วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 ประการ


  
ตั้งแต่คนรักษาเท้าช้าง  ไปจนถึงเหล่าอำมาตย์ ในเมืองมิถิลานครซึ่งมีพลเมือง 65 ล้านคน  ล้วนจาริกอยู่ในโมหะภูมิทั้งสิ้น  คือหลงไปกับเงิน เห็นยศเห็นตำแหน่งเป็นสิ่งสำคัญ  และพากันแย่งผลประโยชน์

ความนัยแห่ง “พระมหาชนก”
         เพราะเคยเป็นผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็น เวลานาน  ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ วิวัฒน์  ศัลยกำธร จึงน้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านมาเป็นเข็มทิศนำทาง  ทั้งกระบวนการคิด และการลงมือทำกระทั่งการมองเห็นเป้าหมายของการทำงานชัดเจนว่า   เมื่อผู้คนส่วนใหญ่ยังหลงมัวเมาอยู่ในโมหะภูมิ  เราก็ต้องพาพวกเขาออกจากโมหะภูมิ  มาสู่สัมมาทิฐิ  คือความเห็นชอบก่อนเป็นอันดับแรก         ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติย้ำถึงทิศทางการทำงานภายใต้ปรัญชญาเศรษฐกิจพอ เพียงประการสำคัญในอันดับต้นๆ ว่า นี่จึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมการดำเนินรอยตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจึงต้องให้ความสำคัญกับ “การศึกษา” และ “การพัฒนาคน” เป็นพื้นฐาน

        ประการหนึ่งยอมรับว่าผู้คนอยู่ในความหลงมัวเมา  ต้องให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่พวกเขาด้วยการศึกษา
        ประการหนึ่งจะพัฒนาสังคมได้  จำต้องพัฒนาคน  ให้คนที่ได้รับการพัฒนาแล้วไปพัฒนาสังคมอีกทอดหนึ่ง  เขายืนยันว่ากว่าจะเป็นโครงการต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น   พระองค์ได้ทรงทดลองทำอย่างจริงจังจนได้ผลสำเร็จแล้วจึงนำมาชี้แนะและเผย แพร่ออกไป
ต้องทำให้ดินฟื้นคืนชีพ

         จากการทรงงาน  พระองค์ทรงพบว่า ปัญหาบ้านเมืองมีเยอะมาก  การเอาะชนะ ปัญหาต่างๆ เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านนั้น   ทรงดำริว่า  ดินเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของเกษตรกร  และปัจจุบันปัญหาดินเสื่อมคุณภาพเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข

       “พระองค์ท่านก็ทรงทำโครงดารพัฒนาดิน  เพื่อจะนำเอาความรู้ไปสอนให้ชาวบ้านได้รู้ว่า  ดินมีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศอย่างไร”
        แม้ตัวเขาเองเมื่อตัดสินใจดำเนินชีวิตตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  เพื่อพิสูจน์ให้ได้ว่า  ทำได้และดำรงชีวิตอยู่ได่จริง  เขาก็เริ่มด้วยหลักคิดที่ยึดถือง่ายๆ  ว่าเอาเรื่องกินเป็นพื้นฐานก่อน มีน้ำกิน มีข้าวกิน และมีอากาศหายใจ

ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
          ความรู้ที่ได้เมื่อครั้งตามเสด็จ คือพระเจ้าอยู่หัวให้ความสำคัญกับการปลูกป่า  เพราะป่าให้อาหาร ให้น้ำ และใหอากาศ  เมื่อเขาตัดสินใจลาออกจากราชการ  มาเริ่มต้นกับผืนดินแห้งแล้งจำนวน 40 ไร่ ตำบลมาบเอื้อง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เขาขุดบ่อน้ำลึก 15 เมตร กินพื้นที่ 5 ไร่ เมื่อได้น้ำแล้วเขาก็เริ่มปลูกป่าทันที   ตามแนวพระราชดำรัสเกี่ยวกับป่า 3  อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ที่ได้พระราชทาน ณ โรงแรมริมคำ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2523
        “...การ ปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาอยู่ได้  ให้ใช้วิธีปลูกไม้สามอย่าง  แต่มีประโยชน์สี่อย่าง คือ ไม้ใช้สอย  ไม้กิน  ไม้เศรษฐกิจ  โดยปลูกรองรับการชลประทาน ปลูกรับซับน้ำและปลูกอุดช่วงไหล่ตามร่องห้วย  โดยรับน้ำฝนอย่างเดียวประโยชน์ที่สี่คือ ได้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ...”
         วิวัฒน์  ศัลยกำธร  อธิบายหลักการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ว่าเป็นแนวคิดขิงการผสมผสานการอนุรักษ์ ดิน น้ำ และการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้  ควบคู่กับความต้องการด้านเศรษฐกิจ  ด้วยการจำแนกป่า 3 อย่าง ดังนี้
           1. ป่าไม้ใช้สอย  คือ ไม้โตเร็ว สำหรับใช้ในครัวเรือน เช่น สะเดา ไม้ไผ่
           2. ป่าไม้กินได้  คือ ไม้ผล เช่น มะม่วง และผักกินใบต่างๆ
           3. ป่าไม้เศรษฐกิจ  คือ  ไม้ที่ปลูกไว้ขาย  หรือไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก

ส่วนประโยชน์ 4 อย่าง จำแนกประโยชน์แต่ละอย่างออกเป็น
           1. ป่าไม้ใช้สอย  นำมาสร้างบ้าน  ทำเล้าเป็ด  เล้าไก่  ด้ามจอบเสียม  ทำหัตถกรรม  หรือกระทั่งใช้เป็นเชื้อเพลิง (ฟืน) ในการหุงต้ม
           2. ป่าไม้กินได้  นำมาเป็นอาหาร  ทั้งพืชกินใบ  กินผล  กินหัว  และเป็นยาสมุนไพร
           3. ป่าไม้เศรษฐกิจ  เป็นแหล่งรายได้ของครัวเรือน  เป็นพืชที่สามารถนำมาจำหน่ายได้  ซึ่งควรปลูกพืชหลากหลายชนิดเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคาตกต่ำและไม่แน่นอน
           4. ประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ  การปลูกพืชที่หลากหลายอย่างเป็นระบบ จะช่วยสร้างสมดุลของระบบนิเวศในสวน  ช่วยปกป้องผิวดินให้ชุ่มชื้น ดูดซับน้ำฝน และค่อยๆ ปลดปล่อยความชื้อสู่สวนเกษตรกรรม

ปลูกป่า 5 ระดับ
ดำรงชีพ  และฟื้นธรรมชาติ

        วิวัฒน์ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงว่า  สภาพดิน 40 ไร่นั้น  เป็นดินที่ตายแล้วจากการใช้ปลูกพืชเชิงเดี่ยวและใช้สรางเคมีมาเป็นเวลานาน  เขาต้องทำให้ดินฟื้นคืนชีพกลับมาก่อน  ด้วยเทคนิคการปลูกไม้ 5 ระดับ ตามชั้นความสูงของไม้ซึ่งได้มาจากการสังเกตธรรมชาติของป่าคือ

        ไม้ระดับสูง เช่น ตะเคียน ยางนา มะค่าโมง สะตอ มะพร้าว
        ไม้ระดับกลาง เช่น ผักหวานป่า ติ้ว พลู กำลังเสือโคร่ง กล้วย
        ไม้พุ่มเตี้ย เช่น ผักหวานบ้าน มะนาว พริกไทย ย่านาง เสาวรส
        ไม้เรี่ยดิน  เช่น  ผักเสี้ยน  มะเขือเทศ สะระแหน่
        ไม้หัวใต้ดิน  เช่น ข่า ตะไคร้ ไพล เผือก มัน บุก กลอย
          เมื่อปลูกไม้ครบทั้ง 5 ระดับแล้ว เอาฟางห่มดินให้หนาเพื่อรักษาความชื้นให้กับดิน  จุลินทรีย์ในดินจะขยายตัว  รากของต้นไม้จะชอนไชไปในดินได้ง่าย  ตามด้วยปุ๋ยแห้งจำพวกมูลสัตว์โรยทับ  แม้จะไม่ถึงดินโดยตรง  แต่ความชื้นจะค่อยๆ ดึงปุ๋ยลงสู่ดิน ดินก็จะย่อยสลาย
         เขาย้ำอย่างหนักแน่นว่า  นอกจากทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้แล้วนี่ยังเป็นยุทธวิธีสู้ภัยแล้งได้อย่างมหัศจรรย์ “ถ้าเราทำให้คนไทยั้งประเทศหันมาปลูกต้นไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ด้วยเทคนิคการปลูกไม้ 5 ระดับ เมืองไทยก็จะไม่ร้อนอย่างแน่นอน”       ในฐานะกรรมการที่ปรึกษา โครงการรักษาป่า  สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง เขาย้ำว่า
        “เราต้องสร้างทีม  เพื่อให้ทีมไปสร้างคนในตำบลให้มีความรู้มีคุณธรรม  มีความเพียร  และให้ตัวเองรู้จักพอ  ต้องเพียรจนพอแล้วใจจะรู้จักพอ  การให้ทานคือการวัดการพอ”

ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/39438

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น